เงินเฟ้อสหรัฐฯ สร้างความตกใจอีกรอบ?


Pantira Korkasemwong, ฝ่ายวิจัยการลงทุน XM
สัปดาห์หน้าเป็นสัปดาห์ที่สงบ อย่างเดียวที่อาจสร้างไฟให้ติดในตลาดได้คืออัตราเงินเฟ้อล่าสุด ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกถ้ามันลามไปยังภาคส่วนอื่นๆ นี่อาจสร้างความกังวลอีกรอบให้ Fed เริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยให้เร็วขึ้นเเละสร้างกระเเสดอลลาร์ขาขึ้นอีกรอบ
ไม่ใช่เเค่การชั่วคราว
เงินเฟ้อจะหายไปเองหรือไม่? มันดูจะเป็นอย่างนั้นในตอนเเรก เเต่การใช้จ่ายภาครัฐ อุปทานที่ขาด ต้นทุนที่ขึ้น ราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่อาจผลักให้อัตราเงินเฟ้อขึ้นสูงขึ้น เเต่ผลกระทบเหล่านี้ก็จางหายไปสักพัก เหล่าธนาคารต่างพากันคิดว่า ‘ถ้าเงินเฟ้อยังไม่ขึ้น นั่นก็เเปลว่ามันเป็นเเค่ชั่วคราว’ เเต่ตอนนี้เงินเฟ้อคาดว่าจะขึ้นเเล้ว นักลงทุนพนันว่าสิ่งนี้น่าจะอยู่นานมากกว่าเดิม ดังนันจึงหาทางที่จะชดเชยความเสี่ยงที่มีต่อเงินเฟ้อนี้
มันใช่ปัญหาเเค่อุปทานเท่านั้นเเล้ว ค่าจ้างสูงขึ้นเรื่อยๆ เงินค่าเช่าก็เริ่มตามราคาสังหาริมทรัพย์ทัน เเละสภาเองก็พร้อมที่จะนำเงินอุดหนุนเข้ามาเพิ่ม นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในวันพุธเป็นเรื่องสำคัญ นั่นเป็นการเผยว่าเเรงดันเงินเฟ้อจะเเพร่ขยายออกไปหรือไม่
การคาดการณ์ว่า  yearly CPI rate จะกระโดดขึ้นไปที่ 5.9% ในตค. จาก 5.4% ก่อนหน้า เเต่พิจารณาจากสัญญาณงานวิจัยหลายอัน ความเสี่ยงการคาดการณ์นี้เบี่ยงไปทางขาขี้นมากกว่า Markit PMIs เเสดงว่าบริษัทพากันขึ้นราคาสินค้า ‘ในอัตราที่เร็วที่สุด’ ขณะที่ราคาดัชนี ISM surveys กระโดดสูงขึ้นเร็วด้วยเช่นกัน
ตลาดเงิน pricing การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ Fed สองครั้งสำหรับปีหน้า ในกย. เเละธค. การซื้อสินทรัพย์จะจบลงในมิย. ในกรณีที่ Fed คงอัตราการทำ taper ไว้ ความเสี่ยงก็คือตลาดสามารถเร่ง time line ให้เร็วขึ้นถ้าหากเงินเฟ้อยังขึ้นอยู่เรื่อยๆ การทำ taper อาจจะสามารถจบลงได้ในพค. ยอมให้การทำ rate hike สามครั้งในมิย. กค. กย. เเละธค.
นี่เป็นความเสี่ยงของดอลลาร์ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลที่ธนาคารกลางอาจสามารถทำให้ตลาดผิดหวังจากการคาดการณ์ที่ทำทำ rate hike รุนเเรงเกินไป หลักๆเเล้วก็คือออสซี่เเละเงินปอนด์ ถึงเเม้ว่ายูโรเองก็ตกอยู่ในประเภทนี้เช่นเดียวกัน
ตลาดของประเทศเหล่านี้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ตอนนี้ตลาด pricing การเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งจากธนาคารกลางออสเตรเลียในปีหน้า เเละเกือบจะ 4 ครั้งจากธนาคารกลางอังกฤษที่ดูเเล้วไม่สมเหตุผล
ในทางกลับกัน ธนาคารกลาง 2 เเห่งที่สามารถสู้หรือเกินกว่า Fed ในการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยคือธนาคารกลางของเเคนาดาเเละนิวซีเเลนด์ เศรษฐกิจของเเคนาดาตอนนี้กำลังบูม คู่เงินเช่น aussie/loonie หรือ pound/loonie ดูเหมือนจะวิ่งไปข้างหน้า ถ้าหากราคาน้ำมันยังคงตรึงไว้ได้
รายงานการจ้างงานออสเตรเลียกำลังถูกจับตา
.
ธนาคารกลางพยายามอย่างดีที่สุดที่จะผลับราคาตลาดสัปดาห์นี้ได้  Lowe เเสดงชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยจะไม่ขึ้นจนกว่าจะปี 2023 อย่างเร็วที่สุด เเละนักลงทุนก็ตอบสนองมากเกินไปในการพุ่งของเงินเฟ้อล่าสุด เเต่ถึงเเม้อย่างนั้น ตลาดก็ยังคาด rate hike 3 ครั้งในปีหน้าอยู่ดี
อยากให้เข้าใจไว้ว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียไม่ได้เเข็งเเรงอะไร ตลาดเเรงงานเเละการบริโภคยังคงมีความเสียหายอยู่ ขณะที่ราคาเเร่เหล็กหล่นลงเเละจีนก็ชลอตัวลง ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่มากของเศรษฐกิจออสเตรเลียที่พึ่งจีนในเรื่องการส่งออก
ดูเหมือนนักลงทุนจะใช้การฟื้นตัวอันเร็วของนิวซีเเลนด์เป็นโมเดลเเละกำหนดว่าออสเตรเลียสมควรจะทำอย่างไร ทั้งสองประเทศมีเศรษฐกิจที่คล้ายกันเเละปกติเคลื่อนในก้าวที่เป็นเเบบเเผน เเต่ครั้งนี้อาจจะเป็นข้อผิดพลาดได้
เราจะได้เงื่อนงำในวันพฤหัสมากขึ้น เมื่อตัวเลขการจ้างงานออสเตรเลียสำรหับตค.ออกมา น่าจะเป็นรายงานที่เเข็งเเรงเนื่องจากการเปิดเศรษฐกิจอีกรอบ เเต่นั่นจะพอที่จะเอามาเป็นข้ออ้างสำหรับ rate hike 3 ครั้งในปีหน้าหรือไม่? มันมีหลายเเง่ที่อาจน่าผิดหวังได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดค่อนข้าง hawkish
ข้อมูลของจีนเเละอังกฤษน่าจับตา
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่อาจจะส่งผลต่อออสซี่เเละสินทรัพย์ที่เสี่ยงมากเช่นหุ้น คือตัวเลขการค้าของจีนที่กำลังจะออกมาในสุดสัปดาห์เเละสถิติเงินเฟ้อในวันพุธ โฟกัสอาจจะตกอยู่ที่ producer prices ซึ่งคาดว่าจะเร่งเป็น 12% ในตค. จาก 10.7% ก่อนหน้า y/y
การวัดนี้เป็นสิ่งสำคัญในการถกเถียงเรื่องเงินเฟ้อที่ดุดัน ถ้าโรงงานจีนยังคงส่งออกเงินเฟ้ออย่างอัตราที่เร่งรีบ มันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำหรับถกเถียงเเรงดันของเงินเฟ้ออย่างถาวร
สุดท้ายเเล้วในอังกฤษ GDP สำหรับกย. เเละไตรมาส 3 จะออกมาในวันพฤหัส BoE จะพาพายุเข้าสู่ตลาดในสัปดาห์นี้หลังจากที่พวกเขายับยั้งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ปอนด์ดิ่งลง เเต่นักลงทุนยังคงมั่นใจว่านั่นเป็นเพียงการชลอลง pricing rate hike ในปีหน้า
ดังนั้นความเสี่ยงรอบๆ เงินปอนด์ยังคงเอียงไปยังขาลง เศรษฐกิจ UK ยังไม่ร้อนมากจนกระทั่งต้องการอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมากๆ BoE เพียงต้องการคงการคาดการณ์เงินเฟ้อให้คงที่เท่านั้น